การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพก็จริง แต่หาก “ใช้เครื่องออกกำลังกายผิดวิธี” ผลลัพธ์อาจกลับตรงข้ามจากที่ตั้งใจไว้ เพราะแทนที่จะได้กล้ามเนื้อแข็งแรง กลับกลายเป็นอาการบาดเจ็บที่ต้องพักฟื้นกันยาวๆ บทความนี้จาก Johnson Health Tech Thailand จะพาคุณไปรู้จักสาเหตุและวิธีป้องกันไม่ให้การออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว
การใช้เครื่องออกกำลังกายผิดวิธีคืออะไ?
การใช้เครื่องออกกำลังกายผิดวิธี หมายถึง การใช้งานเครื่องไม่ถูกต้องตามหลักการ เช่น ใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสม ปรับระดับเครื่องไม่ตรงกับสรีระ หรือใช้น้ำหนักมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดของร่างกาย สิ่งเหล่านี้อาจทำให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเส้นเอ็นเกิดความเครียดจนบาดเจ็บได้
นอกจากนี้ หลายคนมักเข้าใจผิดว่า “ยิ่งออกแรงมาก ยิ่งเห็นผลเร็ว” ซึ่งไม่จริงเสมอไป การออกกำลังกายที่ดีควรอยู่ในระดับที่ร่างกายรับไหวและควรค่อย ๆ เพิ่มระดับอย่างมีระบบ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวอย่างปลอดภัย
สาเหตุที่ทำให้บาดเจ็บจากการใช้เครื่องออกกำลังกายมีอะไรบ้าง ?

ขาดความรู้ในการใช้เครื่องออกกำลังกาย
ผู้ใช้มือใหม่จำนวนมากไม่ทราบวิธีการใช้เครื่องออกกำลังกายอย่างถูกต้อง เช่น การวางเท้าผิดตำแหน่งบนลู่วิ่ง การจับบาร์ยกน้ำหนักผิดมุม หรือการปรับเบาะจักรยานไม่พอดี ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดจุดและเกิดการฉีกขาดได้
ใช้น้ำหนักหรือแรงต้านมากเกินไป
การยกน้ำหนักหรือใช้แรงต้านที่มากเกินไปจะเพิ่มภาระต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อ หากร่างกายยังไม่พร้อม อาจเกิดอาการบาดเจ็บเฉียบพลัน เช่น กล้ามเนื้อฉีก เส้นเอ็นอักเสบ หรือหลังเคล็ดได้
ปรับระดับเครื่องไม่เหมาะสมกับรูปร่าง
การตั้งค่าระดับความสูง มุม หรือแรงต้านของเครื่องให้เหมาะกับสรีระของผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เบาะจักรยานที่เตี้ยเกินไปอาจทำให้เข่ารับแรงมาก หรือเครื่องดึงสายที่ตั้งระดับสูงเกินไปอาจทำให้หัวไหล่เจ็บ
ท่าทางผิดรูปแบบ (Form ไม่ถูกต้อง)
แม้จะใช้เครื่องที่ถูกต้อง แต่ถ้าท่าทางไม่ถูก เช่น หลังค่อม เข่างอผิดมุม หรือบิดเอวแรงเกินไป ก็อาจทำให้เกิดแรงกดทับที่ข้อต่อและกระดูกสันหลังจนบาดเจ็บได้
ไม่วอมร่างกายก่อนใช้งาน
การวอมอัพช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมก่อนออกแรง หากข้ามขั้นตอนนี้ ร่างกายจะต้านแรงกะทันหันได้ยาก ทำให้เกิดอาการเคล็ดหรือกล้ามเนื้อตึงได้ง่าย
ออกกำลังกายเกินความสามารถของร่างกาย
การฝืนร่างกาย เช่น การออกกำลังกายนานเกินไป หรือฝึกซ้ำๆ โดยไม่พัก จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าและขาดการฟื้นฟู จนนำไปสู่การบาดเจ็บสะสมในระยะยาว
อาการบาดเจ็บที่พบบ่อยจากการใช้งานผิดวิธีมีอะไรบ้าง ?
แม้เครื่องออกกำลังกายจะถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราได้ออกแรงอย่างปลอดภัย แต่หากใช้งานผิดวิธี ผลที่ตามมาอาจกลายเป็น “อาการบาดเจ็บ” ที่รบกวนทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและการฟื้นฟูสุขภาพในระยะยาว ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือไม่เคยได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาก่อน
อาการเจ็บกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ ๆ หรือฝึกซ้อมหนักเกินไป กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอาจเกิดการฉีกขาดเล็กน้อย ทำให้รู้สึกตึง เจ็บ หรือปวดแสบเมื่อขยับตัว อาการนี้มักเกิดบริเวณแขน ขา และหลัง โดยเฉพาะเมื่อใช้เครื่องยกน้ำหนักหรือเครื่องออกกำลังกายแบบแรงต้านโดยไม่มีการวอมร่างกาย
ปวดเข่าและข้อเท้า
อาการปวดเข่าและข้อเท้ามักเกิดจากการปรับระดับเครื่องไม่เหมาะสม เช่น เบาะจักรยานเตี้ยเกินไป หรือท่าวิ่งบนลู่วิ่งที่ผิดมุม รวมถึงการใส่รองเท้าที่ไม่รองรับแรงกระแทกดีพอ ทำให้แรงสะเทือนสะสมจนข้ออักเสบหรือเอ็นรอบเข่าอักเสบได้
ปวดหลังส่วนล่าง
สาเหตุหลักมักมาจากการยกของหนักผิดท่า เช่น ก้มหลังมากเกินไปในท่า Deadlift หรือใช้หลังแทนกล้ามเนื้อขาในการยกน้ำหนัก นอกจากนี้ การนั่งพิงผิดมุมบนเครื่องฝึกกล้ามเนื้อก็อาจสร้างแรงกดทับต่อกระดูกสันหลังส่วนล่าง ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้
อาการไหล่หลุดหรือเจ็บหัวไหล่
เกิดจากการฝึกที่ใช้แรงมากเกินไปในท่าดันหรือยกเหนือศีรษะ เช่น Shoulder Press หรือ Bench Press โดยเฉพาะหากไม่ได้ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม กล้ามเนื้อรอบหัวไหล่จะรับแรงมากเกินไป จนอาจเกิดภาวะไหล่หลุดหรือเส้นเอ็นฉีกได้
อาการเคล็ด ขัดยอก และฟกช้ำ
อาการเหล่านี้มักเกิดจากความประมาทหรือขาดสมาธิขณะออกกำลังกาย เช่น การรีบเปลี่ยนท่าทาง การสะดุดเครื่อง หรือเคลื่อนไหวผิดจังหวะ ทำให้ข้อต่อหรือกล้ามเนื้อบิดตัวจนเกิดอาการเคล็ด ขัดยอก หรือฟกช้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่วอมร่างกายมาก่อน
แนะนำว่า หากมีอาการบาดเจ็บ ควรหยุดใช้งานเครื่องทันที ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และพักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือเทรนเนอร์มืออาชีพ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บเรื้อรังในอนาคต.
วิธีป้องกันการบาดเจ็บขณะใช้เครื่องออกกำลังกาย

-
ศึกษาและเรียนรู้วิธีใช้เครื่องออกกำลังกายให้ถูกต้อง อ่านคู่มือหรือขอคำแนะนำจากเทรนเนอร์ก่อนใช้งาน
-
เริ่มจากน้ำหนักหรือแรงต้านต่ำ แล้วค่อยๆ เพิ่มทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายมีเวลาปรับตัว
-
ตรวจเช็กท่าทางขณะออกกำลังกายเสมอ โดยใช้กระจกหรือให้เทรนเนอร์ช่วยสังเกต
-
วอมร่างกายก่อนทุกครั้ง และคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย เพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและลดความตึง
-
ให้ร่างกายได้พักอย่างเพียงพอ ไม่ฝืนออกกำลังกายต่อเนื่องเกินไป เพื่อป้องกันการบาดเจ็บสะสม
การใช้เครื่องออกกำลังกายผิดวิธีไม่เพียงทำให้ผลลัพธ์ลดลง แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บที่อาจส่งผลระยะยาว ดังนั้นก่อนเริ่มทุกครั้ง ควรทำความเข้าใจวิธีใช้งานให้ถูกต้อง ปรับระดับเครื่องให้เหมาะกับสรีระ และออกกำลังกายตามกำลังของตนเอง เพราะ การออกกำลังกายที่ปลอดภัย คือก้าวแรกของสุขภาพที่ยั่งยืน หากคุณกำลังต้องการ ซื้อเครื่องออกกำลังกาย คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายด้านสุขภาพ Johnson Health Tech Thailand คือตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม และเครื่องออกกำลังกายที่หลากหลาย ครบทุกความต้องการ ลงทุนในสุขภาพของคุณวันนี้ เลือก Johnson Health Tech Thailand เพื่อประสบการณ์การออกกำลังกายที่สมบูรณ์แบบ สนใจ สั่งซื้อเครื่องออกกำลังกายออนไลน์ คลิกเลย!! ติดต่อสอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม โทรศัพท์: 02-751-9360 หรือ 090-090-6797 อีเมล jhtthailand@johnsonfitness.com
ติดตามข้อมูลข่าวสาร และโปรโมชั่นเด็ดจาก จาก Johnson Health Tech Thailand ได้ที่
Facebook: Johnson Health Tech Thailand
Instagram johnsonfitnessth
Line: Johnson Health TH
YouTube: Johnson Health Tech Thailand