ในยุคปัจจุบัน เทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังมาแรง หลาย ๆ ช่วงอายุ เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพผ่านการโภชนาการ หรือจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิต้านทานและความแข็งแรงให้กับร่างกาย แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็จะช่วยส่งเสริมให้สุขภาพของบุคคลที่ปฏิบัตินั้นได้ผลลัพธ์ที่ดี และเมื่อสุขภาพกายดี จะส่งผลไปถึงสุขภาพจิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้การทำในสิ่งต่าง ๆ ทำได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในวันนี้จะมาดูรายละเอียดของการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุว่ามีอะไรกันบ้าง
สุขภาพจิตในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ หรือ วัยชรา ในวัยนี้คือวัยที่นอกจากจะมีปัญหาสุขภาพแล้ว ยังมีปัญหาด้านจิตใจสมทบอีกด้วยเนื่องจากสภาพร่างกายที่เสื่อมสมรรถภาพตามอายุ ปัญหาที่พบบ่อยของคนวัยนี้และส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างชัดเจนเลยคือ กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบ กระดูกพรุน โลหิตจาง เป็นต้น วัยผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
หากผู้อ่านมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ยิ่งต้องให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพจิตในผู้สูงอายุเป็นพิเศษด้วย เพื่อให้ผู้สูงอายุมีร่างกายแข็งแรงและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ซึ่งผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตในผู้สูงอายุได้ ก็คือ บุคคลในครอบครัว ที่จะต้องทำความเข้าใจในปัญหาต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ และให้การดูแลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
อาหารสำหรับผู้สูงอายุ
พูดถึงอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ต้องเข้าใจก่อนว่าผู้สูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายใช้พลังงานน้อยลง เนื่องจากมีกิจกรรมที่ทำได้ไม่มากนัก ส่งผลให้แต่ละวันใช้พลังงานน้อย วัยนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลดการบริโภคสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันลง ซึ่งสองหมวดนี้จะให้พลังงานค่อนข้างสูง เช่น แป้ง น้ำตาล เป็นต้น รวมไปถึงการลดอาหารประเภทที่ใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร เพื่อลดการสะสมของไขมัน เนื่องจากสารอาหารประเภทไขมันไม่ได้ถูกนำไปใช้ในร่างกายอย่างเต็มที่
อาหารที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ควรเน้นอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา เป็นต้น เพราะสามารถย่อยได้ง่าย แต่ทั้งนี้ ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีนในปริมาณ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกาย และเปลี่ยนมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ เป็นหลัก
ผู้สูงอายุควรได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ อยู่ที่ 1,500-2,000 กิโลแคลลอรี จากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ วันละ 3 มื้อพอประมาณ และมีอาหารว่าง 2 มื้อ โดยทุกมื้อควรมีผักและผลไม้เพื่อเพิ่มกากใยสำหรับการย่อยอาหาร
อีกสิ่งที่ควรรู้ คือ กลุ่มผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มขาดสารอาหารได้ง่าย โดยเฉพาะแคลเซียม สังกะสี และเหล็ก ซึ่งมีอยู่มากในอาหารประเภทนม ถั่วเหลือง รวมถึงในกลุ่มของผัก ผลไม้ ธัญพืชต่าง ๆ ดังนั้นควรนำอาหารเหล่านี้มาทำเป็นอาหารมื้อหลักของผู้สูงอายุ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด หรือเค็มจัด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และควรพยายามให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อลดภาวะท้องผูก และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
การออกกําลังกายในผู้สูงอายุ
มาพูดถึงในส่วนของการออกกําลังกายในผู้สูงอายุกันบ้าง โดยในวัยผู้สูงอายุนั้น ถึงจะใช้พลังงานต่อวันลดน้อยลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกกำลังกายนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน เพราะจะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานให้กับตัวเอง และจำเป็นที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้ควรจะศึกษาหลักการการออกกำลังกายของคนวัยนี้ได้อย่างถูกต้อง ไม่ควรให้หักโหมจนเกินไป และถ้าหากมีโรคประจำตัวด้วยแล้ว ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ แต่หากไม่ได้มีโรคประจำตัว แนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเช่นเต้นแอโรบิค 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
ข้อควรระวังในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ
ข้อควรระมัดระวังในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุนั้น คือไม่ควรหักโหมมากนัก ค่อย ๆ ออกกำลังกายจากเบาไปจนถึงหนัก ทำอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากรู้สึกว่าเหนื่อยหรือรู้สึกไม่ดี ให้หยุดทำทันที ห้ามฝืนทำต่ออย่างเด็ดขาด และสังเกตอาการผิดปกติของตัวเอง หากพบความผิดปกติของร่างกายให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
อีกหนึ่งข้อควรระวังสำหรับการออกกําลังกายในผู้สูงอายุคือ การหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีการปะทะหรือกระทบกัน เช่น กระโดดตบ หรือชกมวย เป็นต้น เพราะการออกกำลังกายประเภทนี้ ทำให้ได้รับการกระทบกระเทือนภายในร่างกาย เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากบาดเจ็บร่างกายจะรักษาตัวเองได้ช้า แนะนำให้เปลี่ยนเป็น เดิน หรือวิ่งจ็อกกิ้งช้า ๆ
ซึ่งทั้งการวิ่งหรือเดินนั้น สามารถออกมาวิ่งในสวนสาธารณะหรือในที่ปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดีก็ได้ หรือจะเป็นการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าที่บ้าน ซึ่งลู่วิ่งไฟฟ้านั้นมีข้อดีมากมาย หลัก ๆ เลยคือ สามารถปรับความเร็วของสายพานได้ ไม่ว่าจะปรับให้ช้าเหมือนเดินปกติ ไปจนถึงความเร็วระดับสูง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการใช้งานแบบไหน
ข้อดีของลู่วิ่งไฟฟ้ากับผู้สูงอายุ
โดยลู่วิ่งไฟฟ้านั้นจะมีสายพานที่ค่อนข้างนุ่ม ตัวเครื่องที่แข็งแรง ทำให้การเดินหรือวิ่งจะสมูธไปกับผู้ใช้งานอีกด้วย แตกต่างกับการวิ่งบนพื้นปกติ เพราะการวิ่งบนลู่วิ่งนั้นสามารถลดแรงปะทะหรือการกระทบกระเทือนของร่างกายได้ ซึ่งหากผู้ใช้งานเป็นผู้สูงอายุก็ยังใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวล หรือจะปรับความชัน ก็ทำได้เช่นเดียวกัน และในลู่วิ่งไฟฟ้านั้นยังมีโหมดต่าง ๆ อีกมากมาย ให้ผู้ใช้งานได้เลือกเล่นอีกด้วย
และหากต้องการเลือกซื้อลู่วิ่งผู้สูงอายุดี ๆ สักเครื่อง ขอแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้าจากแบรนด์ Johnson เพราะเป็นแบรนด์เครื่องออกกำลังกายอันดับ 1 ของเอเชีย มีสินค้าออกกำลังกายให้เลือกมากมาย ดีไซน์สวยงาม ทนทาน แข็งแรง สามารถเลือกสินค้าให้เหมาะกับการใช้งานได้ หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านทางเว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของ Johnson ได้ที่ Website https://johnson.co.th/ ได้เลยครับ