แนะนำวิธีวิ่งบน “ลู่วิ่งไฟฟ้า” สำหรับมือใหม่หัดออกกำลังกาย
แนะนำวิธีวิ่งบน “ลู่วิ่งไฟฟ้า” สำหรับมือใหม่ ที่เริ่มออกกำลังกาย
แนะนำวิธีวิ่งบน “ลู่วิ่งไฟฟ้า” สำหรับมือใหม่หัดออกกำลังกาย มาแล้วค่า!! ก่อนอื่นต้องบอกว่าการวิ่งออกกำลังกายเราสามารถเลือกออกไปวิ่งนอกบ้าน หรือเข้าฟิตเนสเพื่อไปวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าก็ได้ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนส่วนใหญ่อาจจะชอบการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้ามากกว่า เพราะเราจะวิ่งในจังหวะความเร็วที่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ต่างจากการออกไปวิ่งเองข้างนอกที่เราต้องออกแรงวิ่งให้จังหวะเท่ากันเสมอ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้ายังไงให้ทุกคนวิ่งอย่างสนุกและปลอดภัยมาฝากค่ะ
ทำความรู้จักกับสิ่งที่อยู่บนหน้าจอลู่วิ่ง
สำหรับมือใหม่หัดวิ่งอาจยังไม่รู้กันว่าบนหน้าจอของลู่วิ่งมีอะไรที่เราควรรู้บ้าง เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าบนหน้าจอนั้นมีอะไรกันบ้าง หลัก ๆ ที่เราควรรู้คือ
- ระยะทาง เมื่อวิ่งบนลู่วิ่งก็อยากจะรู้ใช่ไหมคะว่าตัวเราเองวิ่งหรือเดินเร็วไปกี่กิโลแล้วซึ่งโปรแกรมนี้จะมีให้ทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ
- เวลา หลังจากที่เราต้องรู้ระยะทางแล้วเราต้องรู้ด้วยว่าเราใช้เวลาวิ่งไปนานแค่ไหน เราจะดูได้จากตัวเลขตรงนี้เลยว่าเราวิ่งไปกี่ชั่วโมง หรือกี่นาทีแล้ว
- แคลอรี่ อันนี้คงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ทุกคนอยากรู้เลยใช่ไหมคะ ว่าวันนี้เราวิ่งแล้วลดไปได้ทั้งหมดกี่แคลอรี่ ถ้าอยากรู้บนหน้าจอลู่วิ่งก็มีบอกเหมือนกันว่าวันนี้เราลดไปได้เท่าไหร่แล้ว
- ชีพจร ตัวนี้มีเอาไว้เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการวิ่งและก่อนจะเลิกวิ่ง เพราะระหว่างวิ่งกับตอนจะเลิกวิ่งอัตราการเต้นหัวใจของเราจะไม่เท่ากัน เราไม่สามารถวิ่งเสร็จแล้วหยุดเดินลงมาได้เลย ฉะนั้นตัวนี้มีเอาไว้วัดว่าหัวใจของเราเต้นต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาทีหรือยัง
- ความเร็ว เวลาที่เราวิ่งเราคงไม่วิ่งจังหวะเดียวหรือเดินเร็วไปนาน ๆ ถูกต้องไหมคะ ฉะนั้นเราก็สามารถปรับความเร็วตามต้องการได้ค่ะ
- ความชัน อันสุดท้ายที่เราควรรู้คือการวิ่งในที่ร่มจะไม่เหมือนกันการวิ่งที่สวนสาธารณะเราจึงไม่มีแรงต้านลมในที่ร่ม ถ้าใครอยากวิ่งให้เหมือนวิ่งอยู่ข้างนอกแนะนำให้ปรับความชันให้อยู่ในระดับที่เราวิ่งแล้วไม่เหนื่อยจนเกินไปค่ะ
สิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในลู่วิ่งไฟฟ้าเกือบจะทุกรุ่น แต่ถ้ารุ่นไหนราคาสูงก็อาจจะมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นแล้วแต่แบรนด์ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคนไหนที่ไปออกกำลังกายในฟิตเนสหรือมีลู่วิ่งไฟฟ้าไว้ที่บ้านก็ยืนพื้นตามนี้เลยค่ะ
- ส่อง 5 เคล็ดลับเลือกลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นไหนให้เหมาะกับคุณ
- ลู่วิ่งไฟฟ้าราคาน่าคบของ Johnson
- ไขข้อสงสัยทำไมต้องมีลู่วิ่งไฟฟ้า ?
วอร์มอัพก่อนจะขึ้นวิ่งทุกครั้ง
เริ่มง่าย ๆ ด้วยการเดินบน ลู่วิ่งประมาณ 5-10 นาที (อาจใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ถ้ามี เช่น จักรยาน, Sky Walker, Cross Trainer) แล้วตามด้วยการเหยียดกล้ามเนื้อ แล้วเริ่มยก น้ำหนักด้วยท่าที่ต้องการด้วยน้ำหนักเบา ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้พร้อมต่อการวิ่ง และลดการบาดเจ็บได้ค่ะ
ปรับความเอียง ลาดชันเล็กน้อย
ควรตั้งความชันบนลู่วิ่งเอาไว้ที่ 1 – 2% เพราะการวิ่งในที่ร่มจะไม่มีความต้านทานจากแรงลม เราเลยต้องจำลองการวิ่งที่ในร่มให้เหมือนกับเราออกไปวิ่งข้างนอก แน่นอนว่าถ้าใครยังไม่วิ่งบนลู่วิ่งมาก่อนอาจจะใช้ความชันแค่ 0% ไปก่อนในระยะแรกจนกว่าตัวเราเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับการออกกำลังกายก่อนจะปรับความชันให้ชันขึ้นอีกนิดเท่านั้นเอง
ไม่ควรจับราวขณะวิ่ง
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งมาหัดวิ่งออกกำลังกายบางคนอาจคิดว่าเราต้องจับราวบนลู่วิ่ง จริง ๆ แล้วราวนั้นมีเอาไว้เพื่อให้เราเข้าออกอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง เมื่อเราวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าท่าที่เหมาะสมคือการรักษามุมแขนให้อยู่ในระดับ 90 องศาให้เหมือนกับเวลาที่เราออกไปวิ่งข้างนอกแค่นี้ก็วิ่งได้แบบมีประสิทธิภาพแล้วค่ะ
อย่าลืมการทำคูลดาวน์
จุดประสงค์นั้นจะตรงข้ามจากการวอร์มอัพ กล่าวคือการคูลดาวน์นั้น เป็นการเตรียมระบบต่าง ๆ ให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ แน่นอนว่าหลังออกกำลังกายระบบต่าง ๆ ยังมีค่าสูงอยู่ เช่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ฉะนั้นเราควรใช้การคูลดาวน์หรือเดินช้าบนลู่วิ่งต่ออีก 5 นาที หรือเดินช้า ๆ จนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจลดลงต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาทีก่อนออกจากเครื่องวิ่ง การทำแบบนี้เหมือนเราระบายความร้อนออกจากร่างกายจะช่วยป้องกันอาการวิงเวียนศีรษะเวลาเราลงจากลู่วิ่งได้ค่ะ
และนี่ก็เป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ Johnson Health Tech (Thailand) นำมาฝากเพื่อประกอบการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพนะคะ แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่มีลู่วิ่งไฟฟ้าก็สามารถคลิก https://johnson.co.th/ เพื่อดูสินค้าลู่วิ่งไฟฟ้าอุปกรณ์ฟิตเนสและกีฬาอื่น ๆ แต่อย่าลืมรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตามหลักโภชนาการแล้วพบกันใหม่กับบทความ ทำไมต้องวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า เร็ว ๆ นี้ได้เลยค่ะ